มหานาคาพระเครื่อง(Mahanaka Amulet) Tel 098-1494292,085-5519521,080-8914226 Line id: mahanakathai

������������������������������ ��������������������������� ������������������������������������ ������������������

หลวงปู่บู่   กิตฺติญาโณ
วัดสุมังคลาราม บ้านพังขว้างกลาง ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร
                ตามข้อมูลที่คนเฒ่าคนแก่ ได้เล่าให้ฟังในเรื่องประวัติของหลวงปู่บู่ได้บอกว่า  เป็นคนชาติลาวมาแต่กำเนิดได้มาอาศัยในแผ่นดินไทยเมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฏ ชัดเจน  การอ่านเขียนหนังสือนั้นไม่ค่อยเก่ง  เพราะท่านมุ่งปฏิบัติดูจิตอย่างเดียว มีแต่คนเฒ่าคนแก่มีอายุ  70-80 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเคยเห็นท่านเมื่อตอนหนุ่มๆ เป็นอยู่อย่างไรทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นท่านแก่เลย ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ทุกวันนี้หน้าตาท่านสดใส มีประกายรัศมีเปล่งปลั่ง เมื่อมองดูใบหน้าก็บงบอกของผู้มีคุณธรรมสูงในจิต ที่รักษากายไม่ให้แก่ การออกบวชของหลวงปู่นั้นทราบจากพระครูสุวรรณสิริชัย เจ้าคณะพังขว้างเล่าว่า  ท่านออกบวช 2  ครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่ทราบ  ครั้งที่  2  บวชเมื่อปี พ.ศ. 2524  ถ้าจะไปถามเอาข้อมูลประวัติจากท่านไม่ได้อะไรดอก มีคนไปถามอายุหลวงปู่ ว่าหลวงปู่อายุกี่ปีแล้ว  บวช มากี่พรรษาแล้วท่านก็จะตอบเท่าไหร่ตามแต่ท่านจะตอบหรือไม่สนใจตอบไปเลยก็มี ก็เลยไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดเพราะหลวงปู่ท่านไม่ยึดติดกับอายุที่เป็นเพียง สมมุติตัวเลขท่านอยู่กับปัจจุบันดีกว่าดูๆไปท่านเหมือนหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน แห่งเมืองศรีสะเกษที่ไม่ทราบอายุเท่าไหร่กันแน่ ทุกวันนี้ท่านยังออกรับบิณฑบาตโยมทุกวันตามปกติ สุขภาพร่างกายแข็งแรงเดินจงกรมได้สะดวก และหลวงปู่ไม่คอยอาบน้ำ(สรง)เลย แต่แปลกที่ผิวพรรณของท่านยังเปล่งปลั่งอยู่เลย แสดงให้เห็นธรรมในจิตที่มีแต่ปิติสุข  รักษากายไม่ให้แก่ ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปชาวบ้านเหล่าว่าเวลาท่านจะอาบน้ำ(สรง)  ก็ต่อเมื่อฝนตกลงมาเท่านั้น  เมื่อ ใดฝนตกท่านจะเดินอาบน้ำจากธรรมชาติคนเดียวของท่านอย่างไม่สนใจใคร อีกอย่างหนึ่งโดยปกติหลวงปู่ท่านไม่ค่อยพูด อยู่เฉยๆ ที่กุฏิไม่ยุ่งวุ่นวายกับใครๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วฉะนั้นประวัติหรืออายุของหลวงปู่บู่ จึงไม่ทราบชัดได้ชาวบ้านบางคนก็ว่า  80  ปีบ้าง  90  ปีบ้าง  100  ปีบ้าง  ก็เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี แม้ไปถามหลวงปู่ท่านก็ไม่บอก
อภิญญา  ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่
                เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่นั้นมีมากมาย  แต่จะนำมาเล่าสู่ฟังบางเรื่อง ซึ่งเป็นการเล่าจากชาวบ้านที่ได้สัมผัสกับหลวงปู่บู่ล้วนไม่ธรรมดา  น่าอัศจรรย์ใจ เช่น  มี โยมคนหนึ่งเล่าว่า ได้ไปนิมนต์หลวงปู่บู่ไปฉันเพลที่บ้านมีงานบุญพอหลวงปู่รีบนิมนต์ก็บอกให้ โยมเดินทางไปก่อนเดี๋ยวจะตามไปทีหลังโยมก็รีบเดินกลับบ้านมาเตรียมข้าวปลา อาหารพอโยมคนนั้นมาถึงบ้านก็ต้องตกตลึงสุดขีด เมื่อสายตามองไปเห็นหลวงปู่บู่นั่งอยู่บนอาสนะสงฆ์เรียบร้อยแล้ว นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ใจแกโยมเจ้าภาพอย่างมากทั้งที่ตัวเองก็รีบเดินไม่ได้แวะ ที่ไหนเลย แถมตอนนั้นหลวงปูยังไม่ได้ห่มจีวรเลยเกิดคำถามในใจตัวโยมว่า “แล้วหลวงปู่มาถึงก่อนเราได้อย่างไรหรือว่าหลวงปู่หายตัวได้กันแน่”   เพราะถึงรีบเดินอย่างไรก็ไม่น่าถึงก่อนนับเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาด               พระครูสุวรรณสิริชัย  เจ้าคณะตำบลพังขว้างเล่าว่า  ครั้ง หนึ่งท่านเคยชวนหลวงปู่บู่ไปกราบนมัสการพระธาตุพนมไปโดยนั่งรถไปแต่หลวงปู่ บอกให้นั่งรถไปก่อนถ้ารีบเดี๋ยวท่านจะเดินไปเองพอพระครูสุวรรณสิริชัยนั่งรถ ไปถึงพระธาตุนครพนนมต้องตลึง  เมื่อเห็นหลวงปู่บู่รออยู่ที่ พระธาตุนครพนมก่อนแล้ว เกิดคำถามว่าหลวงปู่มาถึงก่อนได้อย่างไรทั้งที่เดินเท้าเปล่าแต่กลับมาถึง ก่อนนั่งรถ และอีกครั้งหนึ่งพระครูสุวรรณสิริชัยเล่าว่า ท่านหยอกล้อเล่นกับหลวงปู่บู่โดยการสาดน้ำใส่หลวงปู่บู่แต่พอหลวงปู่บู่เอา มือปัดน้ำเท่านั้น น้ำที่สาดใส่ไม่เปียกตัวหลวงปู่บู่สักหยดเดียวเลย  นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งไม่ธรรมดา  สร้าง ความอัศจรรย์ใจให้กับพระครูสุวรรณสิริชัยเจ้าคณะตำบลพังขว้างอย่างไม่น่า เชื่อท่านบอกว่าถ้าไม่เจอกับตัวเองจะไม่เจอใคร่ง่ายๆ แต่นี้เจอกับตัวเอง จึงว่าหลวงปู่บู่ไม่ธรรมดา  เรื่องต่อมา  ชาว บ้านเล่าว่ามีขโมยขึ้นกุฏิหลวงปู่บู่ เพื่อลักขโมยข้าวของในกุฏิ พอขโมยขึ้นมาบนกุฏิก็ค้นหาย่ามที่ใส่ปัจจัยที่หลวงปู่เก็บไว้ในย่ามเพื่อจะ ขโมยเอาเงินไป เมื่อขโมยล้วงมือลงไปในย่ามต้องตกใจสะดุ้งกลัวสุดขีดเมื่อในย่ามนั้นกลับ กลายเป็นงูทำธารตัวใหญ่นอนขดอยู่ในย่ามใบนั้น ทำให้ขโมยต้องทิ้งย่ามใบนั้นวิ่งหนีไปอย่างไม่ได้อะไรเลย  แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่ท่านไม่ธรรมดาเสกงูเฝ้าย่ามได้
               เรื่อง ต่อมาเกี่ยวกับไม้เท้าของหลวงปู่บู่ เวลาท่านจะออกไปนอกวัดหรือไปบิณฑบาตหลวงปู่จะเอาไม้เท้าซ่อนเอาไว้พุ่มไม้ ข้างทางเคยมีคนแอบจะไปขโมยเอาไม้เท้าหลวงปู่ที่ซ่อนเอาไว้แต่หาจนทั่วพุ่ม ไม้หาอย่างไรก็หาไม่เจอแต่พอหลวงปู่กลับมาแล้วเข้าไปหยิบเอาไม้เท้าออกมาจาก พุ่มไม้นั้นอย่างสะดวกสบาย  สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่คอยขโมยไม้เท้าหลวงปู่บู่ยิ่งนัก  และ อีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ เช่น โยมที่จังหวัดอุดรธานี เห็นท่านไปบิณฑบาตที่อุดรธานี และได้ใส่บาตรหลวงปู่ ทั้งที่ตัวหลวงปู่เองก็อยู่ที่วัดไม่ได้ไปไหนเลย  บางคนเห็น หลวงปู่ไปบิณฑบาตที่ประเทศลาวหรือว่าบางคนไปขอถ่ายภาพหลวงปู่ ถ่ายอย่างไรก็ไม่ติดหรือถ่ายติดเมื่อกลับไปล้างภาพไม่มีภาพอะไรว่างเปล่า  บางครั้งกล้องไม่ทำงานเอาดื้อๆ  ถ้าหลวงปู่ไม่อนุญาตนับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่  เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ไม่ธรรมดาหาได้ยากในยุคกึ่งพุทธกาลนี้  ชาวบ้านเล่าว่าวันหนึ่งๆ หลวงปู่ไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่มาอยู่ที่วัดคลาราม  ท่านไม่ไปไหนและหลวงปู่ท่านไม่ชอบแสดงตัวโอ้อวดว่าท่านดีอย่างนั้นอย่างนี้ กับใครต่อใคร  นอกจากจะได้สัมผัสกับหลวงปู่เอง และเรื่องเล่าทุกเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล่าจากปากชาวบ้านที่ได้สัมผัสจากตัว เองทั้งนั้น  ไม่ใช่เรื่องจากปากท่านเลย
การเป็นผู้อยู่อย่างเหนือ โลก
                หลวงปู่บู่เป็นพระที่สมควรได้คำว่า “ โลกอุดร”  ถึงน่าจะเหมาะสมกับการเป็นอยู่ของหลวงปู่จริงๆ  ซึ่งเหมือนกับปฏิปทาของหลวงปู่สรวง  เทวดาเล่นดิน  เหมือนแกะจากพิมพ์เดียวกัน  การเป็นอยู่ของหลวงปู่บู่  อยู่อย่างเรียบง่ายทำตามได้ยาก เป็นพระที่มักน้อยจริงๆ สันโดษก็สันโดษจริงๆ  กุฏิที่หลวงปู่อยู่จำวัดก็พังแหล่ไม่พังแหล่  เก่าสุดเก่า  ถึงแม้จะมีศรัทธามาสร้างกุฏิถวายหลวงปู่หลังใหม่ก็ตาม  หลวงปู่ไม่ได้ยินในลาภ  ยังคงจำวัดในกุฏิเก่าๆ หลังเดิม  เห็นแล้วทำตามหลวงปู่ได้ยากจริงๆ จีวรห่มก็เก่าๆ การเป็นอยู่หลับนอนก็เปลใต้ต้นมะม่วง  บางครั้งก็ขึ้นไปนอนบนต้นมะม่วง  การนอนของหลวงปู่จะนอนในท่าสีหะไสยาศตลอด  บางวันอากาศร้อนๆหลวงปู่บู่ก็ลุกขึ้นมาก่อไฟผิง  ไม่สนใจใคร  ฝนตกก็เดินตากฝน  หน้าหนาวหลวงปู่ก็เดินตากอากาศหนาว อย่างไม่กลัวความหนาว  นับได้ว่าเป็นการอยู่ที่เป็นไปเพื่อการปล่อยวางในโลกกรรมอย่างแท้จริง  โดยหลวงปู่ไม่ยินดียินร้ายในคำสรรเสริญ  ยกย่อง  คำนินทา  ใครจะด่าว่าร้ายหลวงปู่ก็ช่าง จะมีลาภหรือไม่มีลาภ หลวงปู่ก็ไม่หวั่นไหว  ใครจะมียศมีตำแหน่งหลวงปู่ก็นิ่งเฉย  โลกใบนี้มันจะสุขหรือจะทุกข์มันก็เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร

 

 

ให้ โชคให้ลาภแม่น

                มีชาวบ้านเล่าว่าหลวงปู่ให้ปริศนาตัวเลขแม่นและมีครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านบอกว่ามีโอกาส  มาแถวนี้อย่าลืมไปกราบหลวงปู่บู่ วัดสุมังคลารามนะ  เมื่อมีโอกาสเลยไปกราบหลวงปู่ และได้ถามหลวงปู่บู่เมื่อวันที่  29  เมษายน  2552 ที่ผ่านมาว่า “หลวงปู่อายุเท่าไหร่แล้ว”  หลวงปู่ตอบว่า “ สิบหนึ่ง”  พอได้ฟังก็งงๆ อยู่เหมือนกัน
หลวงปู่  อายุปูนนี้แล้วจะมีอายุแค่สิบเอ็ดปีเป็นไปไม่ได้แน่ พอวันที่ 2 พ.ค. 52 หวยออก  2  ตัวล่าง  11  ตรงๆ และเมื่ออีกอาทิตย์หนึ่งถัดมาก็ได้ไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง ก็เลยถามหลวงปู่อีกว่าหลวงปู่บวชมากี่พรรษาแล้ว หลวงปู่ตอบว่า “สิบหนึ่ง” เพราะดูตามความจริงหลวงปู่น่าจะเป็นพระมหาเถระแล้ว คงบวชมาไม่ต่ำกว่า  40  พรรษาอย่างแน่นอน พอมาวันที่  16  พ.ค.  52 หวยออกเลขท้ายสามตัวบนออก  411  ทำให้หายสงสัยในหลวงปู่ทันที  ใน ความมีเมตตาของหลวงปู่ ซึ่งการให้โชคให้ลาภนี้ หลวงปู่บู่จึงคล้ายกันกับหลวงปู่สรวง ที่ให้โชคให้ลาภแม่นมากแสดงว่าหลวงปู่บู่ไม่ธรรมดาจริงใครอยากไปสัมผัสกับ ตัวเองก็ขอเชิญเมื่อมีโอกาสแวะไปได้ที่วัดสุมังคลาราม ต. พังขวาง อ.เมือง จ. สกลนคร ของดีอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง

หลวงปู่เป็นพระอรหันต์
                 เมื่อวันที่  1 กรกฎาคม 2552  มี คณะของสำนักชลประทานมี่ 5 จากจังหวัดอุดรธานีได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่บู่ พร้อมท่านพระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร แห่งวัดถ้ำภูผาแด่น จ.สกลนคร  ขณะที่สนทนากันส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องธรรมะและการปฏิบัติกับหลวงปู่บู่  สังเกตดูใครถามท่านๆก็จะตอบถ้าไม่ถามท่านๆก็จะนิ่งเฉยเสียโดยไม่มีความ รู้สึกยินดียินร้ายต่อสภาวะแวดล้อมขณะนั้นใดๆทั้งสิ้น   มีบุคคลหนึ่งในคณะถามท่านถึงเรื่องความฝันเพราะอาจจะนำคำพูดของท่านมาตี เป็นเลฃหวยก็ได้ ว่าหลวงปู่ฝันดีบ่  ท่านก็บอกบ่ฝันดอก  บุคคลนั้นก็ถามต่อว่าหลวงปู่ชอบเลขอะไร หลวงปู่ก็ตอบว่า ” มักเลข 8“  คำ ตอบของหลวงปู่ทำให้คณะของชลประทานนั้นถึงกับอึ้งและงงกันไปพักใหญ่ว่าหลวง ปู่ให้เลขตัวเดียวแล้วจะหาตัวเลขอื่นมาผสมอย่างไรให้ครบสองตัว  ขณะที่ทุกคนในคณะกำลังงุนงงกับคำพูดปริศนาของหลวงปู่อยู่นั้น  บุคคลที่ถามท่านก็นึกได้และเฉลยให้ทุกคนในที่นั้นฟังและได้ยินกันทั่วทุกคน  จนทำให้คำพูดที่เป็นปริศนาของหลวงปู่หมดไป  ว่าที่แท้คำว่า“ มักเลข 8” ของหลวงปู่นั้นคงหมายถึง ”  มรรคแปด “ ซึ่งเป็นทางเดินแห่งพระอริยะมรรคของพระอรหันต์เท่านั้น  เมื่อบุคคลนั้นในคณะเรียนถามหลวงปู่บู่อีกว่า มักเลข 8 หมายถึง มรรคแปด ไช่ไหม  หลวง ปู่ท่านก็ได้แต่ยิ้มๆและไม่ตอบหรือพูดว่าอะไรแม้สักคำเดียว (มักภาษาลาวแปลว่าชอบ ภาษาธรรมแปลว่าทางเดินของพระอริยะมรรคอันมีองค์แปดนั่นเอง) คำตอบนี้พวกเราคงไม่ต้องเดากันนะครับว่าหลวงปู่บู่  ท่านหมายถึงอะไรและท่านเป็นพระอริยะบุคคลชั้นไหนแล้ว  และจากวันที่คณะชลประทานกลับไปแล้วจะบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ปรากฏว่าสลาก กินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2552  ออก  000816  มีเลข 8 ของหลวงปู่ออกมาจริงๆถ้
แสดง 1-3 จาก 3 รายการ