������������������������������ ��������������������������� ������������������������������������ ������������������
หลวงปู่บู่ กิตฺติญาโณ
วัดสุมังคลาราม บ้านพังขว้างกลาง ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร
ตามข้อมูลที่คนเฒ่าคนแก่
ได้เล่าให้ฟังในเรื่องประวัติของหลวงปู่บู่ได้บอกว่า
เป็นคนชาติลาวมาแต่กำเนิดได้มาอาศัยในแผ่นดินไทยเมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฏ
ชัดเจน การอ่านเขียนหนังสือนั้นไม่ค่อยเก่ง
เพราะท่านมุ่งปฏิบัติดูจิตอย่างเดียว มีแต่คนเฒ่าคนแก่มีอายุ 70-80 ปี
ได้เล่าให้ฟังว่าเคยเห็นท่านเมื่อตอนหนุ่มๆ
เป็นอยู่อย่างไรทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นท่านแก่เลย
ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ทุกวันนี้หน้าตาท่านสดใส มีประกายรัศมีเปล่งปลั่ง
เมื่อมองดูใบหน้าก็บงบอกของผู้มีคุณธรรมสูงในจิต ที่รักษากายไม่ให้แก่
การออกบวชของหลวงปู่นั้นทราบจากพระครูสุวรรณสิริชัย
เจ้าคณะพังขว้างเล่าว่า ท่านออกบวช 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่ทราบ
ครั้งที่ 2 บวชเมื่อปี พ.ศ. 2524
ถ้าจะไปถามเอาข้อมูลประวัติจากท่านไม่ได้อะไรดอก มีคนไปถามอายุหลวงปู่
ว่าหลวงปู่อายุกี่ปีแล้ว บวช
มากี่พรรษาแล้วท่านก็จะตอบเท่าไหร่ตามแต่ท่านจะตอบหรือไม่สนใจตอบไปเลยก็มี
ก็เลยไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดเพราะหลวงปู่ท่านไม่ยึดติดกับอายุที่เป็นเพียง
สมมุติตัวเลขท่านอยู่กับปัจจุบันดีกว่าดูๆไปท่านเหมือนหลวงปู่สรวง
เทวดาเล่นดิน แห่งเมืองศรีสะเกษที่ไม่ทราบอายุเท่าไหร่กันแน่
ทุกวันนี้ท่านยังออกรับบิณฑบาตโยมทุกวันตามปกติ
สุขภาพร่างกายแข็งแรงเดินจงกรมได้สะดวก และหลวงปู่ไม่คอยอาบน้ำ(สรง)เลย
แต่แปลกที่ผิวพรรณของท่านยังเปล่งปลั่งอยู่เลย
แสดงให้เห็นธรรมในจิตที่มีแต่ปิติสุข รักษากายไม่ให้แก่
ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปชาวบ้านเหล่าว่าเวลาท่านจะอาบน้ำ(สรง)
ก็ต่อเมื่อฝนตกลงมาเท่านั้น เมื่อ
ใดฝนตกท่านจะเดินอาบน้ำจากธรรมชาติคนเดียวของท่านอย่างไม่สนใจใคร
อีกอย่างหนึ่งโดยปกติหลวงปู่ท่านไม่ค่อยพูด อยู่เฉยๆ
ที่กุฏิไม่ยุ่งวุ่นวายกับใครๆ
มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วฉะนั้นประวัติหรืออายุของหลวงปู่บู่
จึงไม่ทราบชัดได้ชาวบ้านบางคนก็ว่า 80 ปีบ้าง 90 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง
ก็เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี แม้ไปถามหลวงปู่ท่านก็ไม่บอก
อภิญญา ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่
เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่นั้นมีมากมาย
แต่จะนำมาเล่าสู่ฟังบางเรื่อง
ซึ่งเป็นการเล่าจากชาวบ้านที่ได้สัมผัสกับหลวงปู่บู่ล้วนไม่ธรรมดา
น่าอัศจรรย์ใจ เช่น มี โยมคนหนึ่งเล่าว่า
ได้ไปนิมนต์หลวงปู่บู่ไปฉันเพลที่บ้านมีงานบุญพอหลวงปู่รีบนิมนต์ก็บอกให้
โยมเดินทางไปก่อนเดี๋ยวจะตามไปทีหลังโยมก็รีบเดินกลับบ้านมาเตรียมข้าวปลา
อาหารพอโยมคนนั้นมาถึงบ้านก็ต้องตกตลึงสุดขีด
เมื่อสายตามองไปเห็นหลวงปู่บู่นั่งอยู่บนอาสนะสงฆ์เรียบร้อยแล้ว
นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ใจแกโยมเจ้าภาพอย่างมากทั้งที่ตัวเองก็รีบเดินไม่ได้แวะ
ที่ไหนเลย แถมตอนนั้นหลวงปูยังไม่ได้ห่มจีวรเลยเกิดคำถามในใจตัวโยมว่า
“แล้วหลวงปู่มาถึงก่อนเราได้อย่างไรหรือว่าหลวงปู่หายตัวได้กันแน่”
เพราะถึงรีบเดินอย่างไรก็ไม่น่าถึงก่อนนับเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาด
พระครูสุวรรณสิริชัย เจ้าคณะตำบลพังขว้างเล่าว่า ครั้ง
หนึ่งท่านเคยชวนหลวงปู่บู่ไปกราบนมัสการพระธาตุพนมไปโดยนั่งรถไปแต่หลวงปู่
บอกให้นั่งรถไปก่อนถ้ารีบเดี๋ยวท่านจะเดินไปเองพอพระครูสุวรรณสิริชัยนั่งรถ
ไปถึงพระธาตุนครพนนมต้องตลึง เมื่อเห็นหลวงปู่บู่รออยู่ที่
พระธาตุนครพนมก่อนแล้ว
เกิดคำถามว่าหลวงปู่มาถึงก่อนได้อย่างไรทั้งที่เดินเท้าเปล่าแต่กลับมาถึง
ก่อนนั่งรถ และอีกครั้งหนึ่งพระครูสุวรรณสิริชัยเล่าว่า
ท่านหยอกล้อเล่นกับหลวงปู่บู่โดยการสาดน้ำใส่หลวงปู่บู่แต่พอหลวงปู่บู่เอา
มือปัดน้ำเท่านั้น น้ำที่สาดใส่ไม่เปียกตัวหลวงปู่บู่สักหยดเดียวเลย
นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งไม่ธรรมดา สร้าง
ความอัศจรรย์ใจให้กับพระครูสุวรรณสิริชัยเจ้าคณะตำบลพังขว้างอย่างไม่น่า
เชื่อท่านบอกว่าถ้าไม่เจอกับตัวเองจะไม่เจอใคร่ง่ายๆ แต่นี้เจอกับตัวเอง
จึงว่าหลวงปู่บู่ไม่ธรรมดา เรื่องต่อมา ชาว
บ้านเล่าว่ามีขโมยขึ้นกุฏิหลวงปู่บู่ เพื่อลักขโมยข้าวของในกุฏิ
พอขโมยขึ้นมาบนกุฏิก็ค้นหาย่ามที่ใส่ปัจจัยที่หลวงปู่เก็บไว้ในย่ามเพื่อจะ
ขโมยเอาเงินไป
เมื่อขโมยล้วงมือลงไปในย่ามต้องตกใจสะดุ้งกลัวสุดขีดเมื่อในย่ามนั้นกลับ
กลายเป็นงูทำธารตัวใหญ่นอนขดอยู่ในย่ามใบนั้น
ทำให้ขโมยต้องทิ้งย่ามใบนั้นวิ่งหนีไปอย่างไม่ได้อะไรเลย
แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่ท่านไม่ธรรมดาเสกงูเฝ้าย่ามได้
เรื่อง ต่อมาเกี่ยวกับไม้เท้าของหลวงปู่บู่
เวลาท่านจะออกไปนอกวัดหรือไปบิณฑบาตหลวงปู่จะเอาไม้เท้าซ่อนเอาไว้พุ่มไม้
ข้างทางเคยมีคนแอบจะไปขโมยเอาไม้เท้าหลวงปู่ที่ซ่อนเอาไว้แต่หาจนทั่วพุ่ม
ไม้หาอย่างไรก็หาไม่เจอแต่พอหลวงปู่กลับมาแล้วเข้าไปหยิบเอาไม้เท้าออกมาจาก
พุ่มไม้นั้นอย่างสะดวกสบาย
สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่คอยขโมยไม้เท้าหลวงปู่บู่ยิ่งนัก และ
อีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ เช่น โยมที่จังหวัดอุดรธานี
เห็นท่านไปบิณฑบาตที่อุดรธานี และได้ใส่บาตรหลวงปู่
ทั้งที่ตัวหลวงปู่เองก็อยู่ที่วัดไม่ได้ไปไหนเลย บางคนเห็น
หลวงปู่ไปบิณฑบาตที่ประเทศลาวหรือว่าบางคนไปขอถ่ายภาพหลวงปู่
ถ่ายอย่างไรก็ไม่ติดหรือถ่ายติดเมื่อกลับไปล้างภาพไม่มีภาพอะไรว่างเปล่า
บางครั้งกล้องไม่ทำงานเอาดื้อๆ
ถ้าหลวงปู่ไม่อนุญาตนับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่
เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ไม่ธรรมดาหาได้ยากในยุคกึ่งพุทธกาลนี้
ชาวบ้านเล่าว่าวันหนึ่งๆ หลวงปู่ไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่มาอยู่ที่วัดคลาราม
ท่านไม่ไปไหนและหลวงปู่ท่านไม่ชอบแสดงตัวโอ้อวดว่าท่านดีอย่างนั้นอย่างนี้
กับใครต่อใคร นอกจากจะได้สัมผัสกับหลวงปู่เอง
และเรื่องเล่าทุกเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล่าจากปากชาวบ้านที่ได้สัมผัสจากตัว
เองทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องจากปากท่านเลย
การเป็นผู้อยู่อย่างเหนือ โลก
หลวงปู่บู่เป็นพระที่สมควรได้คำว่า “ โลกอุดร”
ถึงน่าจะเหมาะสมกับการเป็นอยู่ของหลวงปู่จริงๆ
ซึ่งเหมือนกับปฏิปทาของหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน
เหมือนแกะจากพิมพ์เดียวกัน การเป็นอยู่ของหลวงปู่บู่
อยู่อย่างเรียบง่ายทำตามได้ยาก เป็นพระที่มักน้อยจริงๆ
สันโดษก็สันโดษจริงๆ กุฏิที่หลวงปู่อยู่จำวัดก็พังแหล่ไม่พังแหล่
เก่าสุดเก่า ถึงแม้จะมีศรัทธามาสร้างกุฏิถวายหลวงปู่หลังใหม่ก็ตาม
หลวงปู่ไม่ได้ยินในลาภ ยังคงจำวัดในกุฏิเก่าๆ หลังเดิม
เห็นแล้วทำตามหลวงปู่ได้ยากจริงๆ จีวรห่มก็เก่าๆ
การเป็นอยู่หลับนอนก็เปลใต้ต้นมะม่วง บางครั้งก็ขึ้นไปนอนบนต้นมะม่วง
การนอนของหลวงปู่จะนอนในท่าสีหะไสยาศตลอด
บางวันอากาศร้อนๆหลวงปู่บู่ก็ลุกขึ้นมาก่อไฟผิง ไม่สนใจใคร
ฝนตกก็เดินตากฝน หน้าหนาวหลวงปู่ก็เดินตากอากาศหนาว อย่างไม่กลัวความหนาว
นับได้ว่าเป็นการอยู่ที่เป็นไปเพื่อการปล่อยวางในโลกกรรมอย่างแท้จริง
โดยหลวงปู่ไม่ยินดียินร้ายในคำสรรเสริญ ยกย่อง คำนินทา
ใครจะด่าว่าร้ายหลวงปู่ก็ช่าง จะมีลาภหรือไม่มีลาภ หลวงปู่ก็ไม่หวั่นไหว
ใครจะมียศมีตำแหน่งหลวงปู่ก็นิ่งเฉย
โลกใบนี้มันจะสุขหรือจะทุกข์มันก็เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร
ให้ โชคให้ลาภแม่น
มีชาวบ้านเล่าว่าหลวงปู่ให้ปริศนาตัวเลขแม่นและมีครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง
ท่านบอกว่ามีโอกาส มาแถวนี้อย่าลืมไปกราบหลวงปู่บู่ วัดสุมังคลารามนะ
เมื่อมีโอกาสเลยไปกราบหลวงปู่ และได้ถามหลวงปู่บู่เมื่อวันที่ 29 เมษายน
2552 ที่ผ่านมาว่า “หลวงปู่อายุเท่าไหร่แล้ว” หลวงปู่ตอบว่า “
สิบหนึ่ง” พอได้ฟังก็งงๆ อยู่เหมือนกัน
หลวงปู่ อายุปูนนี้แล้วจะมีอายุแค่สิบเอ็ดปีเป็นไปไม่ได้แน่ พอวันที่ 2
พ.ค. 52 หวยออก 2 ตัวล่าง 11 ตรงๆ
และเมื่ออีกอาทิตย์หนึ่งถัดมาก็ได้ไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง
ก็เลยถามหลวงปู่อีกว่าหลวงปู่บวชมากี่พรรษาแล้ว หลวงปู่ตอบว่า “สิบหนึ่ง”
เพราะดูตามความจริงหลวงปู่น่าจะเป็นพระมหาเถระแล้ว คงบวชมาไม่ต่ำกว่า 40
พรรษาอย่างแน่นอน พอมาวันที่ 16 พ.ค. 52 หวยออกเลขท้ายสามตัวบนออก
411 ทำให้หายสงสัยในหลวงปู่ทันที ใน ความมีเมตตาของหลวงปู่
ซึ่งการให้โชคให้ลาภนี้ หลวงปู่บู่จึงคล้ายกันกับหลวงปู่สรวง
ที่ให้โชคให้ลาภแม่นมากแสดงว่าหลวงปู่บู่ไม่ธรรมดาจริงใครอยากไปสัมผัสกับ
ตัวเองก็ขอเชิญเมื่อมีโอกาสแวะไปได้ที่วัดสุมังคลาราม ต. พังขวาง อ.เมือง
จ. สกลนคร ของดีอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง
หลวงปู่เป็นพระอรหันต์
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 มี คณะของสำนักชลประทานมี่
5 จากจังหวัดอุดรธานีได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่บู่
พร้อมท่านพระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร แห่งวัดถ้ำภูผาแด่น จ.สกลนคร
ขณะที่สนทนากันส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องธรรมะและการปฏิบัติกับหลวงปู่บู่
สังเกตดูใครถามท่านๆก็จะตอบถ้าไม่ถามท่านๆก็จะนิ่งเฉยเสียโดยไม่มีความ
รู้สึกยินดียินร้ายต่อสภาวะแวดล้อมขณะนั้นใดๆทั้งสิ้น
มีบุคคลหนึ่งในคณะถามท่านถึงเรื่องความฝันเพราะอาจจะนำคำพูดของท่านมาตี
เป็นเลฃหวยก็ได้ ว่าหลวงปู่ฝันดีบ่ ท่านก็บอกบ่ฝันดอก
บุคคลนั้นก็ถามต่อว่าหลวงปู่ชอบเลขอะไร หลวงปู่ก็ตอบว่า ” มักเลข 8“ คำ
ตอบของหลวงปู่ทำให้คณะของชลประทานนั้นถึงกับอึ้งและงงกันไปพักใหญ่ว่าหลวง
ปู่ให้เลขตัวเดียวแล้วจะหาตัวเลขอื่นมาผสมอย่างไรให้ครบสองตัว
ขณะที่ทุกคนในคณะกำลังงุนงงกับคำพูดปริศนาของหลวงปู่อยู่นั้น
บุคคลที่ถามท่านก็นึกได้และเฉลยให้ทุกคนในที่นั้นฟังและได้ยินกันทั่วทุกคน
จนทำให้คำพูดที่เป็นปริศนาของหลวงปู่หมดไป ว่าที่แท้คำว่า“ มักเลข 8”
ของหลวงปู่นั้นคงหมายถึง ” มรรคแปด “
ซึ่งเป็นทางเดินแห่งพระอริยะมรรคของพระอรหันต์เท่านั้น
เมื่อบุคคลนั้นในคณะเรียนถามหลวงปู่บู่อีกว่า มักเลข 8 หมายถึง มรรคแปด
ไช่ไหม หลวง ปู่ท่านก็ได้แต่ยิ้มๆและไม่ตอบหรือพูดว่าอะไรแม้สักคำเดียว
(มักภาษาลาวแปลว่าชอบ
ภาษาธรรมแปลว่าทางเดินของพระอริยะมรรคอันมีองค์แปดนั่นเอง)
คำตอบนี้พวกเราคงไม่ต้องเดากันนะครับว่าหลวงปู่บู่
ท่านหมายถึงอะไรและท่านเป็นพระอริยะบุคคลชั้นไหนแล้ว
และจากวันที่คณะชลประทานกลับไปแล้วจะบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ปรากฏว่าสลาก
กินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 ออก 000816 มีเลข 8
ของหลวงปู่ออกมาจริงๆถ้